ผานกู่บุกเบิกฟ้าดิน
หลายคนคงเคยรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลกจากพระคัมภีร์ไบเบิลมาแล้ว เกี่ยวกับการที่พระเจ้าสร้างโลกภายใน 7 วัน ซึ่งตำนานการสร้างโลกนั้นหลายชาติต่างก็มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชาวไอยคุปต์ ชาวสแกนดิเนเวียน ชาวอินเดีย และอีกชนชาติหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี นั่นคือ ชาวจีน ก็มีเรื่องราวของการกำเนิดโลกเหมือนกัน โดยมีที่มาจากหนังสือไคเภ็กซึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับการสร้างโลกและกำเนิดมนุษย์ของจีน โดยมีเรื่องเล่าว่า...
เมื่อนานแสนนานมาแล้ว ท่ามกลางความว่างเปล่ามีเพียงไข่ใบหนึ่งอยู่เท่านั้น ต่อมายักษ์ตนหนึ่งนามว่า ผานกู่ ได้ถือกำเนิดขึ้นภายในไข่ใบนั้น วันเวลาผ่านไปร่วมหนึ่งหมื่นแปดพันปี โดยที่ผานกู่เติบโตขึ้นวันละหนึ่งวา ในที่สุดผานกู่ก็ตื่นขึ้น แต่รอบกายมีแต่ความมืดมองสิ่งใดไม่เห็น ผานกู่จึงใช้พละกำลังอันมหาศาลที่สะสมไว้ผลักไข่ให้ขยายออกไป เกิดเป็นเสียงที่ดังกึกก้อง
จักรวาลเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ธาตุต่างๆ ที่เบาลอยขึ้นด้านบนและธาตุที่หนักเคลื่อนต่ำลง ผ่านไปหลายปีผานกู่ได้เติบโตขึ้นกว่าเดิม แต่เขากังวลว่าโลกที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่จะกลับมาหลอมรวมกันอีกครั้ง เขาจึงถอนฟันตัวเองออกซี่หนึ่งและกลายเป็นขวาน ผานกู่ใช้ขวานผ่านอากาศและธาตุต่างๆ ให้แยกออกจากกัน ในที่สุดธาตุทั้งสองแยกจากกันอย่างไม่อาจรวมกันได้อีก และเรียกธาตุที่เบานั้นเป็นท้องฟ้า ธาตุที่หนักเป็นพื้นดิน แต่เนื่องจากผานกู่ใช้พลังในการแยกธาตุทั้งสองไปจนหมด เขาจึงล้มลง
ร่างกายของเขาได้กลายเป็นโครงร่างของแผ่นดิน ศีรษะ แขน ขา และลำตัวกลายเป็นภูเขา เลือดได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเล แม่น้ำ และลำธาร ขนตามร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใบหญ้า ตาซ้ายกลายเป็นพระอาทิตย์ ตาขวากลายเป็นพระจันทร์ เส้นผมทั้งหลายกลายเป็นหมู่ดวงดาวนับล้านดวง เนื้อกายแปรเป็นทุ่งนาเกษตร กระดูกและฟันกลายเป็นแร่ธาตุและอัญมณี หยาดเหงื่อของเขาได้แปรเป็นน้ำฝนหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน