จิ๋นซีฮ่องเต้
จิ๋นซีฮ่องเต้คือบุคคลที่ได้รับการกล่าวถึงในทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก มีทั้งแง่มุมของการเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างคุณความดีให้แก่สังคมชาวจีนอย่างมากมาย แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นทรราชผู้ปกครองแผ่นดินด้วยความโหดร้าย โหดเหี้ยน และทารุณ จนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
ในยุคจ้านกว๋อ แผ่นดินจีนแตกแยกออกเป็นแคว้นใหญ่ๆ 7 แคว้น คือ เว่ย เจ้า หาน ฉิน ฉี ฉู่ และเอี้ยน แต่ละแคว้นมีผู้ปกครองเรียกตนเองว่า อ๋อง ที่พยายามทำศึกสงครามเพื่อขยายอิทธิพลของแคว้นตนเองให้ได้มากที่สุด แต่แคว้นฉินเป็นแคว้นนอกสายตาของใครๆ ด้วยเหตุที่ว่าอยู่ห่างไกล มีแต่ความกันดาร และถูกดูถูกว่ามีแต่พวกบ้านป่าเมืองเถื่อน ทำให้อ๋องของแคว้นฉินประกาศรับสมัครบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถโดยไม่จำกัดชาติตระกูล ทำให้เริ่มพัฒนาไปในหลายๆ ด้าน และประกอบกับการเอาจริงจังอย่างต่อเนื่องหลายชั่วอายุ ในที่สุดแคว้นฉินก็สามารถขยายอำนาจและยึดครองแคว้นอื่นๆ ได้เป็นผลสำเร็จ
ฉินหวางเจิ้ง อ๋องแห่งแคว้นฉินได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน หรือที่คนไทยรู้จักดีในชื่อของราชวงศ์จิ๋น ขึ้นปกครองแผ่นดินจีนในชื่อของจิ๋นซีฮ่องเต้ นับเป็นฮ่องเต้พระองค์แรกของแผ่นดินจีนที่นำชื่อของพระจักรพรรดิเหลือง (หวงตี้) มาใช้เป็นตำแหน่ง ซึ่งคำว่า ฮ่องเต้ มีความหมายว่า กษัตริย์เหนืออ๋องทั้งหลาย และกำหนดให้สีเหลืองเป็นสีประจำตำแหน่งฮ่องเต้
จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นบุคคลที่นักประวัติศาสตร์หลายคนสับสนว่าจะมอบตำแหน่งใดให้ดี ระหว่าง “มหาราช” และ “ทรราช” เนื่องจากคุณประโยชน์ที่จิ๋นซีฮ่องเต้กระทำนั้นหลายสิ่งก็มีความหมายและมีคุณค่ามากมาย แต่ในอีกด้านการกระทำก็โหดร้ายทารุณมากเช่นกัน
หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ออกกำหนดการหลายอย่างที่สร้างความเป็นแบบแผนให้ประเทศ เช่น การกำหนดให้มีตัวอักษรแบบเดียวกันทั่วประเทศ กำหนดมาตราชั่ง ตวง และวัดให้เป็นระบบแบบแผนเดียวกัน รวมถึงระบบเงินตราต่างๆ ปรับปรุงระบบกฎหมายให้เป็นเอกภาพชัดเจน และการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนและสุสานจิ๋นซีที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ในยุคจ้านกว๋อ แต่ละแคว้นต่างก็มีกำแพงเมืองของตนเอง แต่เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ยึดแผ่นดินได้หมดแล้ว ก็คิดว่าหากมีกำแพงเมืองอาจทำให้เกิดการแตกแยกได้อีก จึงให้ทุบกำแพงเมืองต่างๆ และนำมาก่อสร้างแบบแนวยาวติดต่อกัน เพื่อต่อต้านการรุกรานจากชนเผ่าซงหนูที่อยู่ทางเหนือของแผ่นดินจีน นอกจากกำแพงเมืองจีนแล้ว ยังมีการก่อสร้างพระราชวังในแคว้นต่างๆ ที่ยึดได้ โดยในแต่ละพระราชวังต่างก็มีความวิจิตรพิสดารและมโหฬารเป็นอย่างยิ่ง
การก่อสร้างสุสานฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์เป็นต้นมา ในการก่อสร้างแต่ละอย่างนั้นจำเป็นต้องเกณฑ์ไพร่พลจำนวนมหาศาลเพื่อทำการก่อสร้าง อีกทั้งยังรีดไถ่ภาษีจากประชาชนจนทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า การก่อสร้างนี้มีผู้คนที่ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมหาศาล
การที่จิ๋นซีฮ่องเต้มีหลักความเชื่อในแนวคิดนิติธรรม ซึ่งขัดกับแนวความคิดแบบลัทธิหยูของขงจื้อ จึงพยายามครอบงำประชาชนให้ละทิ้งแนวความคิดดังกล่าว ทำให้เกิดเหตุการณ์เผาตำราฝังบัณฑิต จนเกิดการต่อต้านของประชาชนมากยิ่งขึ้น
จิ๋นซีฮ่องเต้สวรรคตเมื่อมีพระชนมายุ 49 พรรษา โดยสถาปนาราชวงศ์ฉินได้เพียง 11 ปีเท่านั้น ต่อมาอีก 5 ปี ก็สิ้นสุดราชวงศ์ นับเป็นราชวงศ์ที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์จีน แต่ได้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อแผ่นดินจีนจนมาถึงปัจจุบัน
สุสานจิ๋นซี
เป็นสุสานที่แสดงถึงแสนยานุภาพของจักรพรรดิองค์แรกในหน้าประวัติศาสตร์จีน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ในเขตเชิงเขาด้านตะวันออกของภูเขาหลีซาน ห่างจากเมืองเฉินตง 5 กิโลเมตร ในอำเภอหลินถง มณฑลส่านซี สุสานจิ๋นซีสร้างขึ้นราว 246-208 ปีก่อนคริสตกาล ใช้เวลาการสร้าง 39 ปี เป็นสุสานจักรพรรดิที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง
สุสานจิ๋นซี เดิมเรียกว่า ภูเขาลี่ซาน คนในสมัยสามก๊กกล่าวถึงสุสานไว้ว่า “สุสานสูงกว่าห้าจั้ง (มาตราวัดความยาวของจีน โดยประมาณเท่ากับ 3.33 เมตร) ครอบคุลมบริเวณกว่าห้าลี้” ภายในสุสานมีหุ่นทหารและหุ่นม้าศึกที่คล้ายกับมีชีวิต แกะสลักอย่างละเอียดประณีต เปรียบเสมือนภาพขนาดย่อของกองทัพอันเกรียงไกรที่แสดงถึงความน่าเกรงขามได้เป็นอย่างดี
กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กำแพงหมื่นลี้ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาการสร้างยาวนานที่สุดในโลก และมีวิศวกรรมในการป้องกันการบุกรุกของข้าศึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แบ่งเป็นกำแพงทางภาคเหนือและกำแพงทางภาคกลางของจีน ซึ่งแต่ละราชวงศ์มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนมีความยาวเกือบ 10,000 กิโลเมตร จนมีคำกล่าวว่า “ช่วงเวลากว่าสองพันปี ความยาวมากกว่าหมื่นลี้”
เริ่มก่อสร้างประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยราชวงศ์โจว ลักษณะพิเศษคือ พื้นที่ของทั้งสี่ทิศไม่เหมือนกันและมีความยาวไม่มาก ตั้งแต่หลักร้อยและหลักพันฟุต จนถึงหนึ่งพันและสองพันกิโลเมตร นอกจากจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว ในสมัยต่อๆ มายังมีการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนเพิ่มเติมตั้งแต่ยุคชุนชิวและจ้านกว๋อเป็นต้นมา