ประวัติศาสตร์จีน ฉบับย่อ ตอนที่ 3 : ผู้นำยุคตำนาน
การตั้งถิ่นฐานของผู้คนในอดีตจะคำนึงถึงความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตและความปลอดภัย ดังนั้นมนุษย์จะอยู่อาศัยเป็นชุมชน และหากเป็นสังคมเกษตรกรรมมักจะตั้งถิ่นฐานบริเวณใกล้กับแม่น้ำ เพราะสะดวกต่อการทำการเพาะปลูก ซึ่งชุมชนในระยะแรกของจีนก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันคือ เป็นชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ
ฝูซี
ผู้นำของชุมชนในระยะแรกที่เป็นที่ยกย่องคือ ฝูซี ในยุคนั้นฝูซีได้พยายามสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ จนสามารถใช้ประโยชน์แก่ตนเองและชาวบ้านได้ ตำนานเล่าว่า วันหนึ่งฝูซีได้พบเห็นกิเลนกระโจนขึ้นมาจากแม่น้ำฮวงโห บนหลังของกิเลนมีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น ฝูซีได้จดจำสัญลักษณ์นั้นและกลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์เลข 8 (โป๊ยก่วย)
ในยุคสมัยนั้นมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร แต่ก็ไม่อาจจะจับได้ตามที่ต้องการนัก ฝูซีได้เห็นใยแมงมุมจึงคิดที่นำเชือกมาสานเป็นแหเพื่อใช้จับปลา ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขมากยิ่งขึ้น
แต่เนื่องจากในยุคสมัยนั้นยังไม่มีตัวอักษร ชุมชนจีนก็เป็นการรวบรวมชนเผ่าต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยแต่ละเผ่าจะมีสัญลักษณ์ของตนเอง ส่วนมากเป็นพวกสัตว์ต่างๆ เมื่อชุมชนขยายเพิ่มขึ้น สัญลักษณ์ของเผ่าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมาก และยังทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก ดังนั้นฝูซีจึงดำริที่จะรวบรวมสัญลักษณ์ของชนเผ่าต่างๆ ไว้ด้วยกัน กลายเป็นสัตว์ที่ชื่อว่า มังกร และกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชนชาติจีนมาจนถึงปัจจุบัน
เหยียนตี้
หลังจากยุคสมัยที่ฝูซีเป็นผู้นำแล้ว มีผู้นำอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากคือ เหยียนตี้ เขาเป็นหัวหน้าเผ่าแซ่เจียงเมื่อ 5,000 ปีก่อน เขาร่วมทำไร่ไถ่นากับชาวบ้าน และพบว่าการทำการเกษตรกรรมมีความยากลำบากเป็นอย่างมาก จึงได้คิดประดิษฐ์คันไถด้วยไม้ และสอนให้ผู้คนรู้จักการทำไร่ไถ่นาเพื่อปลูกข้าว
เขาเสาะหาพืชพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยการออกตระเวนเดินป่าเขาเพื่อค้นหาพืชพันธุ์ต่างๆ ที่สามารถกินได้โดยใช้ตนเองเป็นผู้ทดลอง ทำให้หลายครั้งที่เจอพืชที่มีพิษจนต้องล้มป่วยเป็นระยะเวลาหลายวัน จากประสบการณ์เหล่านี้เขาได้จดบันทึกเป็นหนังสือเกี่ยวกับยาสมุนไพร ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตำราทางการแพทย์เล่มแรกของโลก
เขายังเป็นผู้ริเริ่มประเพณีการดื่มชา จากตำนานเล่าว่า เขาจะดื่มแต่น้ำที่ต้มสุกเท่านั้น วันหนึ่งขณะที่กำลังต้มน้ำอยู่ใต้ต้นชาในป่า ลมได้พัดใบชาร่วงหล่นลงไปในน้ำที่กำลังเดือดพอดี เมื่อเขาทดลองดื่มก็พบว่ามีรสชาติที่ดีมาก อีกทั้งยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมและบอกต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
เขายังเป็นผู้ที่ปรับปรุงสัญลักษณ์เลข 8 ที่ฝูซีคิดค้นขึ้น จนกลายเป็นแผนภูมิ 64 ที่สามารถนำมาใช้ในการบันทึกเหตุการณ์และการเสี่ยงทาย นอกจากนี้เขายังสังเกตว่า บางคนต้องการสิ่งของที่ตนเองผลิตไม่เป็น แต่บางคนกลับมีมากเกินความต้องการ เขาจึงเสนอให้ประชาชนรู้จักการนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนและได้พัฒนาจนกลายเป็นการค้าขายในเวลาต่อมา เขาได้รับการยกย่องให้เป็นเสินหนง ซึ่งแปลว่า เทพกสิกรรม
หวงตี้
ในช่วงเวลาเดียวกันกับเหยียนตี้ มีผู้นำของชนเผ่าอีกชนเผ่าหนึ่งที่มีความสามารถโดดเด่นไม่แพ้กัน นั่นคือ หวงตี้ เมื่อเขาเป็นหัวหน้าชนเผ่าได้พบว่า ชาวบ้านสามารถเก็บของป่าได้มากมาย แต่การขนย้ายกลับทำได้ยากลำบาก หลังจากสังเกตเห็นลูกสนที่มีลักษณะกลมสามารถกลิ้งได้ เขาจึงคิดประดิษฐ์ล้อขึ้น เมื่อนำมาติดเข้ากับแกนกล่อง ก็ทำให้สามารถขนย้ายสิ่งของได้สะดวกยิ่งขึ้น และสามารถนำสัตว์มาผูกเพื่อใช้ในการขนย้ายไปยังที่ไกลๆ ได้อีกด้วย เขาจึงเรียกสิ่งนี้ว่า “เกวียน”
หลังจากประดิษฐ์เกวียนได้แล้ว เขาก็พบว่า การเดินทางยังไม่สะดวกมากนัก ยิ่งการที่มีแม่น้ำคั่นอยู่ก็ทำให้การเดินทางไม่สะดวกมากขึ้น เขาสังเกตพบว่า ต้นไม้สามารถที่จะลอยน้ำได้ จึงนำท่อนไม้มาลอยน้ำ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อขุดไม้ออกเป็นโพรงก็สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อการเดินทางทำได้สะดวกมากขึ้น การติดต่อระหว่างเผ่าของเขาและเหยียนตี้ก็มีเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดการขัดแย้งที่นำไปสู่การปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมให้แก่กัน จนเกิดศึกสงครามขึ้นในที่สุด หลังจากการทำสงครามของทั้งสองเผ่า ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในที่สุดเผ่าของเขาก็สามารถที่จะเอาชนะเผ่าของเหยียนตี้ได้ ทำให้ทั้งสองเผ่าได้รวมเป็นหนึ่งเดียว และเขาได้เป็นผู้ปกครองคนแรกของแผ่นดิน ซึ่งผู้ปกครองในยุคต่อๆ มาได้นำชื่อของเขาไปตั้งเป็นตำแหน่งผู้ปกครอง หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในชื่อของ ฮ่องเต้ อีกทั้งชื่อของเขายังแปลว่า พระเจ้าเหลือง ดังนั้นสีประจำองค์ฮ่องเต้จึงเป็นสีเหลือง
ห้ากษัตริย์
หลังจากหวงตี้สามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวและขยายอิทธิพลออกไปมากขึ้น ระบบสังคมของแผ่นดินจีนในยุคนั้นเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ระบบการปกครองในยุคสมัยนั้น ผู้นำจะมาจากการคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งเริ่มจากหวงตี้ จวนซู่ ตี้คู้ ถังเหยา และอี๋ซุ่น โดยแต่ละคนต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สงบสุข ผู้คนอยู่ด้วยความสงบร่มเย็น จนเมื่ออี๋ซุ่นชราก็มอบสมบัติต่อให้กับหยู และเมื่อหยูชราก็คิดที่จะส่งต่อให้กับอี้เป็นผู้ปกครองคนต่อไป แต่ว่าฉี่ที่เป็นบุตรชายของหยูไม่พอใจ จึงวางแผนลอบสังหารอี้ ก่อนที่จะใช้อำนาจแต่งตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิและสถาปนาราชวงศ์ของตนขึ้นมา และถือเป็นราชวงศ์แรกของประวัติศาสตร์จีน คือ ราชวงศ์เซี่ย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนรูปแบบการสืบอำนาจไปเป็นระบบพ่อให้ลูก