การกำเนิดรถยนต์คันแรก กับบริษัทไดม์เลอร์-เบนซ์
ปีคริสต์ศักราช 1879 คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) วิศวกรชาวเยอรมันเริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะขึ้น เขาตั้งชื่อมันว่า “เครื่องยนต์เบนซ์”
ปีคริสต์ศักราช 1885 เบนซ์ได้ผลิตรถยนต์สามล้อโดยใช้น้ำมันเป็นคันแรกของโลก รถยนต์ของเบนซ์คันนี้เพียบพร้อมไปด้วยจุดเด่นพื้นฐานของรถยนต์ในปัจจุบัน เขาได้สิทธิสัมปทานในการผลิตรถยนต์เมื่อวันที่ 29 มกราคม คริสต์ศักราข 1885 ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า เป็นวันกำเนิดรถยนต์คันแรกของโลก
ผู้ที่ขับรถท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อ เบอร์ทา (Bertha) ซึ่งเป็นภรรยาของเบนซ์นั่นเอง
ช่วงเช้าของวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1888 เธอพาลูกชายทั้งสองขึ้นรถสามล้อที่สามีเป็นผู้ผลิตเพื่อไปเยี่ยมคุณย่าของลูกๆ เมื่อแล่นไปได้ 14 กิโลกเมตร เชื้อเพลิงเกิดหมดลง เธอจึงต้องไปซื้อน้ำมันมาเติมเอง เมื่อพบเส้นทางบนเขาอันสูงชัน เธอและลูกๆ จึงจำต้องลงมาเข็นรถ ครั้นท่อส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์เกิดอุดตัน เบอร์ทาก็ใช้เข็มเขี่ยสิ่งอุดตันออก กระทั่งพลบค่ำ แม่ลูกทั้งสามที่ทั้งเหนื่อยและหิวก็เดินทางมาถึงบ้านคุณย่าที่อยู่ไกลกว่าร้อยกิโลเมตร หลังผ่านการเดินทางไกลครั้งนี้มาได้ ในที่สุดรถยนต์คันแรกของโลกก็เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนทั้งหลาย
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีวิศวกรชาวเยอรมันท่านหนึ่งชื่อ กอตต์ลีบ ไดม์เลอร์ (Gottlieb Daimler) ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อเป็นการฉลองวันเกิดภรรยาของเขา ไดม์เลอร์สั่งทำรถเปิดประทุนคันหนึ่งจากบริษัทผลิตรถม้า จากนั้นนำเครื่องยนต์มาติดตั้งลงในรถม้า รถยนต์ในรูปแบบรถม้าคันแรกจึงถือกำเนิดขึ้น
หลายปีถัดมาเบนซ์และไดม์เลอร์ได้แยกกันก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เป็นของตัวเอง การบุกเบิกครั้งนี้ถือเป็นยุคที่รุ่งเรือง และยังเป็นการสร้างรากฐานอันมั่นคงให้แก่บริษัทไดม์เลอร์-เบนซ์ด้วย
ปีคริสต์ศักราช 1926 เบนซ์และไดม์เลอร์นำบริษัทที่ต่างคนต่างก่อตั้งรวมเข้าไว้ด้วยกัน แล้วตั้งเป็นบริษัทรถยนต์ไดม์เลอร์-เบนซ์ขึ้น กลายเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดในโลก บริษัทเบนซ์เป็นผู้ผลิตรถยนต์คุณภาพชั้นยอด ปลอดภัย น่าวางใจ และเลื่องชื่อลือนามไปทั่วโลก ในปัจจุบันทำให้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์คุณภาพสูงและสื่อถึงผู้มีฐานะดี
จากหนังสือชุดพิพิธภัณฑ์ภาพความรู้รอบตัว เล่ม 6
เล่ม "เมื่อล้อหมุนไปข้างหน้า"