เทศกาลไหว้พระจันทร์ (Moon Festival) ตอนที่ 1
“เทศกาลไหว้พระจันทร์” หรือ “จงชิวเจี่ย” (中秋节) ถือเป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากเทศกาลตรุษจีน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ อันเป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี และในปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ 19 กันยายน 2556
ความสำคัญของวันไหว้พระจันทร์
วันไหว้พระจันทร์ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงที่สุดและส่องแสงงดงามที่สุดวันหนึ่งในรอบปี ชาวจีนจึงยกให้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม รวมถึงเป็นสื่อกลางแสดงความคิดถึงซึ่งกันและกัน กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในครอบครัวต้องจากบ้านเกิดอันเป็นที่รักไปไกล หากคิดถึงครอบครัวก็ให้แหงนหน้ามองพระจันทร์เพื่อส่งความรู้สึกและความคิดถึงไปสู่ครอบครัวและคนรักผ่านดวงจันทร์
สำหรับชาวจีนทั่วโลกแล้ว วันไหว้พระจันทร์ไม่ได้เป็นเพียงประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานนับพันปีเท่านั้น แต่ยังเป็นวันที่ชาวจีนซึ่งให้ความสำคัญกับการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของสมาชิกในครอบครัวได้แสดงความสามัคคี ร่วมรับประทานอาหาร จิบน้ำชา รับประทานขนมไหว้พระจันทร์ และรอจนถึงเวลาที่จันทร์เพ็ญลอยกระจ่างฟ้า ก่อนจะกางโต๊ะในลานกลางแจ้ง จัดขนม ผลไม้ และอาหารหลากหลายไว้บนโต๊ะ แล้วจึงเซ่นไหว้สักการะเทพยดาที่เชื่อว่าสถิตอยู่บนดวงจันทร์ พร้อมอธิษฐานให้ครอบครัวกลมเกลียว อยู่เย็นเป็นสุข ให้สมกับที่ชาวจีนนิยามวันไหว้พระจันทร์ว่าเป็น “วันแห่งการอยู่พร้อมหน้าของครอบครัว” เพราะพวกเขาเห็นว่าวงกลมของพระจันทร์เปรียบเสมือนการครบถ้วนบริบูรณ์ของครอบครัวนั่นเอง
ตำนานวันไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานเรื่องดวงจันทร์ของชาวจีนอย่างแนบแน่น เช่นเรื่อง “ฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์” (嫦娥奔月) โดยเล่าว่า เมื่อครั้งโบราณกาล โลกเรามีดวงอาทิตย์อยู่ถึง 10 ดวง อันนำมาซึ่งภัยพิบัติแก่โลกมนุษย์ทุกหย่อมหญ้าให้ร้อนระอุเป็นแผ่นดินเพลิง ส่วนที่เป็นน้ำก็เหือดแห้ง ส่วนที่เป็นภูเขาก็ถล่ม แผ่นดินแยก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งกรอบ ผู้คนไม่มีที่หลบซ่อนอาศัย ในครั้งนั้น ได้ปรากฏวีรบุรุษนามว่า “โฮ่วอี้” เป็นผู้ที่มีฝีมือในการยิงธนูได้แม่นยำอย่างอัศจรรย์ เขายิงธนูขึ้นสู่ฟ้าเพียงดอกเดียว ก็ยิงถูกดวงอาทิตย์ถึงเก้าดวง ทำให้เหลืออยู่เพียงดวงเดียว ถือเป็นการขจัดทุกเข็ญให้กับบรรดาประชาราษฎร์ ผู้คนจึงพากันยกย่องให้เขาเป็นกษัตริย์
ทว่าเมื่อโฮ่วอี้ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ลุ่มหลงในสุราและนารี ฆ่าฟันผู้คนตามอำเภอใจ กลายเป็นทรราชย์ ราษฎรล้วนแต่โกรธแค้นและชิงชังเขาเป็นที่สุด โฮ่วอี้รู้ตัวว่าคงจะอยู่เป็นสุขเช่นนี้ไปได้อีกไม่นานจึงเดินทางไปที่ภูเขาคุนหลุนเพื่อขอยาอายุวัฒนะจากเจ้าแม่หวังหมู่มากิน แต่ฉางเอ๋อ ภรรยาของเขากลัวว่า ถ้าสามีของนางมีอายุยืนนาน ไม่มีวันตายเช่นนี้ อาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่ราษฎรเป็นแน่ คิดได้ดังนั้น นางจึงตัดสินใจแอบขโมยยาอายุวัฒนะนั้นมากินเสียเอง เมื่อกินเข้าไปแล้ว ร่างของฉางเอ๋อก็เบาหวิว และลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ นับแต่นั้นมา บนดวงจันทร์ก็ปรากฏภาพเทพธิดาที่เชื่อกันว่าเป็นฉางเอ๋อนี้เอง
ส่วนที่มาของพิธีเซ่นไหว้พระจันทร์นั้น ตามบันทึกโบราณกล่าวว่าเริ่มขึ้นครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิฮั่นเหวินตี้ (漢文帝) แห่งราชวงศ์ฮั่น กษัตริย์ผู้ทรงปรีชาสามารถและชำนาญในศาสตร์ต่าง ๆ มีอยู่ปีหนึ่งในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ได้ทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบกับเทพธิดากำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ทำให้พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทรงตื่นบรรทม พระองค์โปรดให้พระสุบินนั้นเป็นความจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาที่พระองค์ได้พบเจอ จนแพร่หลายไปสู่ราษฎรและกลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
ตอนหน้ามาดูกันต่อว่าการไหว้พระจันทร์นั้นทำอย่างไร และเครื่องเซ่นไหว้มีอะไรบ้าง
ภาพประกอบจาก... www.topic.xkcar.cn, www.thai.chinese.cn
เรียบเรียงโดย... สำนักพิมพ์ทองเกษม